“มิลลิ” รับมีหนุ่มลูกครึ่งคุย ลั่น! เซ็กส์กับความรักต้องมาควบคู่กัน

“มิลลิ” รับมีหนุ่มลูกครึ่งคุย ลั่น! เซ็กส์กับความรักต้องมาควบคู่กัน

เส้นทางในวงการเรียกได้ว่าเป็นกราฟพุ่งสูงไม่มีแผ่ว สำหรับสาวน้อยแร็ปเปอร์วัย 19 ปี ที่ปังสุดๆ ในยุคนี้  มิลลิ (Milli) ดนุภา คณาธีรกุล ด้วยพรสวรรค์การแต่งเพลงและสกิลแร็ปโย่วแบบไฟลุก เธอมีความเป็นตัวเองอย่างชัดเจน อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในตัวแทนวัยรุ่นที่ออกมา Call Out แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ  ขึ้นแท่นเป็นศิลปินเบอร์ท็อปตัวแรงในวงการในเวลาอันรวดเร็ว ถึงขนาดได้โกอินเตอร์ร่วมงานค่ายเพลงระดับโลก

ซึ่ง มิลลิ (Milli) ได้มาเปิดใจพูดคุยกับ วู้ดดี้ ถึงความกดดันและความคาดหวังที่เธอได้รับ และเผยถึงสเปคอยากมีแฟนเป็นชาวต่างชาติ ยอมรับตอนนี้มีคนคุยเป็นหนุ่มลูกครึ่ง พร้อมเปิดมุมมองเรื่องรักจากซิงเกิ้ล  Not Yet! ที่มาจากเรื่องจริงของคนรอบตัว ลั่นเรื่องเซ็กส์กับความรักต้องมาควบคู่กัน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นใน Woody FM

ชื่อเล่น นวย ?

มิลลิ : ชื่อเล่น มินนี่ ค่ะ คนเรียกว่า นวย เยอะมาก บางทีหนูชอบแทนตัวเองว่านวย เพราะรู้สึกว่าหนูตัวเล็ก เพื่อนที่สนิทมากๆ ก็จะเรียกมิน แม่เรียกว่าไอ้แห้ง

มีเรื่องที่เราไม่รู้มาก่อน เป็นครั้งแรกที่เราจะได้ทราบก็คือเกี่ยวกับเรื่องสายตามิลลิ

มิลลิ : ใช่ นั่นก็คือเรื่องของสายตา ให้ทายว่าหนูสายตาสั้นเท่าไหร่คะ สั้น 700 ค่ะ

เกิดจากอะไร ?

มิลลิ : เกิดจากการอ่านหนังสือการ์ตูนในห้องน้ำค่ะ ชอบอ่านการ์ตูนมากในที่มืด ชอบแอบอ่าน เพราะอ่านบ่อยเกิน ตอนนี้ย้ายการ์ตูนจากที่เป็นเล่มอยู่ในโทรศัพท์มือถือเลื่อนจนนิ้วล็อก เพราะ 200 ตอน หนูอ่านจบภายใน 3 วัน

ตอนนี้อายุเท่าไหร่ครับ ?

มิลลิ : 19 ค่ะ

มีเรื่องเข้ามาเยอะไม่ใช่แค่เรื่องความรัก พ่อแม่ การเรียน สังคม ความรับผิดชอบ กฎหมาย

มิลลิ : มาหมดเลยปีนี้ งงมาก เอาจริงหนูไม่เคยอยากโตเลย

เพราะอะไร ?

มิลลิ : เพราะยิ่งโต ก็ยิ่งความรับผิดชอบมากขึ้น ต้องทำอะไรเยอะขึ้น หนูรู้สึกว่าแค่นี้พอแล้ว จริงๆ หนูอยากอายุแค่ 20 เพื่อที่จะซื้อเหล้าถูกกฎหมาย แล้วเข้าผับถูกกฎหมายแล้วก็พอ (หัวเราะ) หนูมีความฝันแค่นั้น หนูชอบเที่ยว หนูชอบปาร์ตี้

สิ่งที่ทำให้มีความสุขมากที่สุดคือ ?

มิลลิ : อยู่กับทุกๆ คน หนูชอบคุยไปเรื่อยๆ มันสนุกดี มันได้รับรู้มุมมองของอีกคน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น

เหตุการณ์ไหนที่ทำให้หัวใจพองโตมากที่สุด ?

มิลลิ : มันก็พองอยู่ทุกๆ วัน ไม่ได้มีอันไหนที่พองโตที่สุด หนูเป็นคนใช้ชีวิตที่โฟกัสแค่วันนั้นก็พอแล้ว Logic คือแค่ว่า ใช้ชีวิตให้ดีกว่าเมื่อวาน แล้วพรุ่งนี้เราจะดีกว่าวันนี้อีกทีนึง เพราะหนูรู้สึกว่าโดนคาดหวังเยอะแล้ว หนูพยายามคาดหวังกับตัวเองให้น้อยที่สุด เพราะนั่นคือพื้นที่เซฟโซนของหนูแล้ว

ความรักของ มิลลิ เป็นแบบไหน ?

มิลลิ : หนูเป็นคนแบ๊วนะ ไม่ขี้หึงแล้วก็ไม่งี่เง่า หนูไม่ชอบอะไรก็จะไม่พยายามทำสิ่งนั้น เรามีชีวิตเป็นของตัวเอง แล้วเราควรจะมีความสุขด้วยตัวของตัวเองด้วยในบางที มันไม่ใช่ว่าจะต้องมาผูกติดกันตลอดเวลา หนูจะพยายามามีเหตุผลมากที่สุด

เคยเสียน้ำตากับความรักไหม ?

มิลลิ : เคยค่ะ แล้วเคยตั้งใจว่าฉันจะร้องไห้ให้คนๆ นี้ไม่เกิน 2 วัน เพราะรู้สึกว่าพอแล้ว หนูทำได้ ถ้าทำอะไรไม่ได้อย่าไปสอนคนอื่น ทำให้เห็นก่อนว่าทำได้ ค่อยไปแนะนำคนอื่นเขา ถ้าตัวเองยังเอาไม่รอดอย่าคิดไปสอนใครเลย

เรื่องของเพลง Not Yet! พอเราฟังมันมีแมสเสจในเพลงด้วย อยากจะบอกอะไร ?

มิลลิ : บางคนอาจจะฟังดูว่าขี้เล่น หยอกล้อ แบบยั่วๆ หน่อย ตรงข้ามสิ้นเชิงค่ะเรื่องเซ็กส์กับความรักจริงๆ มันมาควบคู่กัน เป็นเรื่องของความยินยอมพร้อมใจทั้ง 2 ฝ่าย มันไม่ใช่การบังคับ หรือเซ็กส์ไม่ใช่การพิสูจน์ความรักเช่นเดียวกัน แล้วการที่อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่าไม่พร้อมหรือว่ายังไม่อยากทำด้วยเหตุผลหรือสาเหตุอะไรก็ตามอีกฝ่ายควรจะเคารพในการตัดสินใจตรงนี้ ไม่ใช่ว่ายังดึงดันที่จะทำ เพราะว่าบาดแผลที่อยู่ในใจใครสักคนหนึ่งมันติดตัวมาตลอด การโดนขมขื่นจากคนรักของตัวเองไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย แล้วมันเกิดขึ้นได้จริงๆ แล้วหนูฟังเรื่องจากหลายๆ คนมามาก รู้สึกว่าต้องพูดอะไรสักอย่าง

เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงควรทำยังไง ?

มิลลิ : แค่เปิดใจคุย พอมีคนพูดต้องมีคนฟัง พอฟังแล้วไม่ใช่หูซ้ายทะลุหูขวาแต่มันต้องเข้าใจ พอเข้าใจกันแล้วก็จะแฮปปี้มากขึ้น ถ้าเซ็กส์ไม่มีความสุข ความรักก็ไม่ใช่เรื่องสนุกอีกต่อไป

จำเป็นต้องมาควบคู่กันไหม ?

มิลลิ : จริงๆ แล้วมาคู่กันเลย หรือเราสามารถมีความสัมพันธ์ที่ไม่มีเซ็กส์ก็ได้ แต่สำหรับตัวหนูรู้สึกว่ามันมาคู่กัน

ได้ภาษาอังกฤษมาจากไหน เรียนอินเตอร์หรือเปล่า ?

มิลลิ : ไม่ได้เรียนอินเตอร์ เรียน English Program ค่ะ  เพราะเราอยากมีแฟนเป็นต่างชาติ (หัวเราะ) ซึ่งจะมีแอปหนึ่ง หนูคลิกไปยังไงก็ไม่เจอคนไทย แล้วหนูปัดไปสองร้อยกว่าคน แล้วเราก็ได้ฝึกจริงๆ

เรื่องแฟนต่างชาติยังอยากมีอยู่ แล้วเคยเดทกับคนไทยไหม ?

มิลลิ : ไม่เคยค่ะ ตอนนี้คุยกับลูกครึ่งอยู่ ไม่ได้อวดนะ (หัวเราะ)

ทำไมคนไทยถึงไม่เคยอยู่ในสเปค ?

มิลลิ : อยู่ค่ะ จริงๆ หนูสเปคเยอะมาก มาเลยจ๊ะได้หมดชาติไหนก็ได้

หัวเราะน้อยลงไหม 2-3 ปีที่ผ่านมา หนักสุดคือวันไหน ?

มิลลิ : คงเป็นเรื่องล่าสุด ที่หนูพูดอะไรไม่คิด แล้วก็มารับผิดชอบคำพูดตัวเอง แล้วยิ่งทำให้หนูรู้สึกว่าปีนี้คือการเป็นผู้พูดและเป็นผู้ฟังที่ดีในเวลาเดียวกัน บางทีก็รู้สึกแย่และรู้สึกดีเวลาที่มีคนบอกว่าโตขึ้นแล้วนะ แต่รู้สึกว่าหนูยังไม่ได้อยากโต ไม่ได้อยากทำ แต่สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจจะเป็นศิลปินที่ชอบกินเหล้า ทำให้ทุกคนมั่นใจในการไม่ต้องใส่เสื้อชั้นในได้ (หัวเราะ) เพราะหนูไม่ชอบใส่เสื้อในเลย แต่โอเคเราก็ต้องรู้จักกาลเทศะ

สิ่งที่ Pressure (ความกดดัน) เรามากที่สุดคืออะไร ?

มิลลิ : คำพูดของคนใกล้ตัว เช่น ทำไมไม่ทำแบบนั้น ทำไมไม่ทำแบบนี้ ทำไมไม่เป็นอย่างคนโน้นคนนั่น คือบางทีเขาจะติดภาพเก่าๆ แบบ ทำไมไม่ดูแลตัวเอง ทำไมพูดคำหยาบเยอะไป ทำไมถึงไม่เรียบร้อย ในวันที่ทำได้ก็จะบอกว่าต้องทำได้มากกว่านี้สิ ความคาดหวังยังคงอยู่กับหนูเสมอไม่ว่าจะโตแค่ไหนก็ตามค่ะ เวลาโดนเปรียบเทียบ โดนคาดหวังจากคนที่ไม่ได้รู้จักเรา ก็ขอบคุณที่เชื่อมั่น แต่อย่าเชื่อมั่นมากเกินไป เพราะทำให้หนูไม่สบายใจมากๆ ค่ะ โคตรกดดันเลย

หนูกดดันทุกครั้งที่จะต้องมาออกรายการอะไรแบบนี้ ตอนนี้หนูแพนิคทุกอย่างเลย ไม่รู้ว่าที่ทำอยู่คือดีหรือยัง ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงให้ดีกว่านี้ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวแบบไหนทำตัวยังไง ไม่รู้ว่าการเป็นตัวเองของหนูมันแย่หรือว่ามันดีมันยังไง  ชื่อ IG หนูจริงๆ อ่านว่า Fuck it All พึ่งตระหนักรู้เมื่อ 2 วันก่อนเองค่ะว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำได้เลย ไม่อยากให้ทุกคนต้องรู้สึกไม่ดีกับหนู เข้าใจนะว่าหนูแคร์ทุกคนบนโลกไม่ได้แต่แบบ ณ วันนี้หนูแคร์ทุกคนในจักรวาลไปแล้วด้วยซ้ำ

ชมคลิปได้ที่นี่ :