เปิดใจแบบหมดเปลือกพระเอกหนุ่ม “ฟิล์ม ธนภัทร” ในรายการ WOODY FM ถึงเรื่องราวก่อนเข้าวงการเส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ยอมรับเป็นคนที่ซีเรียสกับชีวิตมากเพราะเป็นเสาหลักครอบครัว ทั้งชีวิตโดนบอกเลิกมาโดยตลอด ลั่น! ถ้ามีแฟนแล้วไม่ดีก็อยู่คนเดียวได้
เป็นคนคิดเยอะ?
ฟิล์ม ธนภัทร : ผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะซีเรียสกับชีวต ด้วยความที่บ้านเราอาจจะไม่ได้มีเงิน เราอาจจะมีช่วงที่ลำบากของชีวิต เลยรู้สึกว่าผมอยากเป็นคนปลดพันธนาการนี้ให้กับครอบครัวตัวเองก็เลยเป็นชีวิตที่ค่อนข้างซีเรียส ผมต้องทำได้ ผมต้องได้ ก็เลยรู้สึกว่าคาดหวังกับตัวเองไว้เยอะ แล้วมีช่วงหนึ่งที่ผมรู้สึกว่า ผมทรมานกับชีวิตมาก ทั้งๆที่ตัวเองมีเงินมากกว่าตอนก่อนเข้าวงการเยอะมาก แต่รู้สึกทรมานกับชีวิต ไม่มีความสุข เหมือนมันคิดตลอดเวลา หยุดคิดไม่ได้ นอนไม่หลับ
มันหยุดคิดไม่ได้เลย ?
ฟิล์ม ธนภัทร : ช่วงนั้นนะครับ แต่ช่วงนี้ผมไม่คิดแล้ว เป็นช่วงตอนที่มีโควิด เจอผลกระทบทางเศรษฐกิจทำงานไม่ได้ ค่าบ้าน ค่ารถที่ต้องจ่าย แล้วเราเป็นเสาหลักของครอบครัว ผมนอนแบบตี 4 หรือ 7 โมง ทุกวัน มันหยุดคิดไม่ได้ ช่วงที่ทำงานหนักมากก็คิดอยู่ว่าจะไปยังไงต่อ การคิดเป็นเรื่องที่ดี แต่ผมว่ามันควรจะมีความพอดี คือตอนนี้ผมรู้สึกว่าอะไรที่มันทุกข์ก็อย่าไปคิดมันเลย ผมก็ปล่อย แล้วผมก็เอ็นจอยกับโมเมนต์แล้วมันทำให้ผมมีความสุขมาก ไม่คิดเลยว่าพรุ่งนี้ต้องทำอะไร
งานต่อไปจากวันนี้ไปทำอะไรไม่คิดแล้ว คิดแค่วันนี้ผมได้คุยกับพี่วู้ดดี้ หรือแค่วันนี้ผมได้กินหมูย่างที่ทำเองผมก็มีความสุขแล้ว จริงๆความสุขมันอยู่ทุกที่ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกมองชีวิตตัวเองยังไงมากกว่า หรือเวลาที่ทุกข์มากเจอปัญหาที่มันเครียดผมจะมองย้อนกลับไปที่อย่างน้อยคุณก็มีบ้านให้อยู่ มีเตียงนุ่มๆมีทีวี มีแอร์เย็นๆ มีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมายแล้วมีอีกกี่ชีวิตลำบากกว่าเรา ผมก็จะรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา สุดท้ายแล้วความสุขมันอยู่ที่เราเลือกมองมุมไหนตังหาก เมื่อไหร่ก็ตามที่เลิกยึดติดกับอดีต เลิกยึดติดกับอนาคต แล้วอยู่กับปัจจุบันได้จะมีความสุขมากขึ้น
ชีวิตในวงการบันเทิง 10 ปี ความสำเร็จที่เกิดขี้นในวันนี้กับช่อง One ?
ฟิล์ม ธนภัทร : เล่นละครเรื่องแรกตั้งแต่ตอนอายุ 21 ปี ก่อนที่จะมาอยู่กับทางช่อง One ตอนนี้อายุ 31 ก็ 10 ปีพอดี ผมรู้สึกดีใจนะครับที่ได้อยู่ที่นี่ เหมือนเรามาอยู่ถูกที่ เหมือนเป็นบ้าน ดูแลกันเหมือนครอบครัวไปแล้ว เราโชคดีจังที่ได้มาเจอพี่บอย โชคดีที่ได้มาเจอทีมงาน คนเขียนบท ผู้กำกับแต่ละคน ทำให้รู้สึกว่าถ้าผมไปอยู่ที่อื่นคงไม่ได้มีโอกาสเยอะเท่านี้ เพราะเราเป็นเด็กใหม่กว่าจะไต่เต้าขึ้นมาได้ พี่บอยเขาให้โอกาสคนที่มีความสามารถ ให้โอกาสคนที่มีความตั้งใจ แล้วผมรู้สึกว่าคว้าโอกาสนั้นมาได้
ความรักมีทั้งสุขและทุกข์ แต่โดยส่วนใหญ่คุณเป็นฝ่ายโดนบอกเลิกมาตลอดชีวิต ?
ฟิล์ม ธนภัทร : โดยส่วนใหญ่ ก็มีหลายเหตุผลนะครับ ตอนเด็กๆผมอาจจะมีความรักที่เป็น Puppy Love แล้วมันก็เด็กมาก ตัวติดกับแฟน อยากใช้เวลาด้วยกันตลอดเวลา หรือเราอาจจะเด็กเกินไปเขาก็เลยไปชอบคนที่โตกว่า ไปมีคนอื่น บางครั้งก็ตกลงกันอะไรแบบนี้ โดยส่วนใหญ่ช่วงมัธยม เขาไปมีคนอื่นซะส่วนใหญ่
ความสัมพันธ์และมุมมองเปลี่ยนไปตามอายุไหม ?
ฟิล์ม ธนภัทร : ตามอายุครับ
บางคนไม่สนใจเรื่องนี้เลยเพราะงานแน่นมาก แต่บางคนก็ต้องหาเวลาเพราะอยู่คนเดียวไม่ได้ คุณในตอนนี้เป็นแบบไหน ?
ฟิล์ม ธนภัทร : มีก็ดี ถ้ามันมีแล้วดี แต่ถ้ามีแล้วไม่ดีก็อยู่คนเดียวได้ ยิ่งช่วงที่ผ่านมาปีนี้ ผมเลี้ยงแมว มันเหมือนมีอะไรให้เราคุยด้วย เป็นสิ่งฮีลใจ ผมเพิ่งเข้าวงการทาส เป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่รู้สึกว่าเหงาจังทำงานอย่างเดียวเลย รู้สึกว่าจิตใจเรามันเบิร์นเอ้าท์ ก็เลยรู้สึกว่าต้องการสัตว์เลี้ยงบางชนิดที่เราไม่ต้องให้เวลาเขามาก แต่เขาสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง แล้วก็ฮีลใจเราได้ สัตว์ที่ตอบโจทย์ตัวเองมากที่สุดคือแมว ตอนนี้มีแมว 2 ตัวครับ พันธุ์แร็กดอล เวลาที่เราไปหาเขา ก็จะเดินเข้ามาหาเราตลอด อยู่กับเราตลอด เชื่อไหมมีช่วงหนึ่งก่อนที่ผมจะเลี้ยงแม่บอกว่าอย่าเอามาเลี้ยงเด็ดขาดนะ แม่ไม่อยากเป็นภาระ ทุกวันนี้แม่ผมติดแมวมาก ช่วงที่ผมทำงานหนักคือแม่เป็นคนเลี้ยงแทนผม เดินเข้าไปหาแมวมากกว่าที่ผมเจออีก เห็นแววตาที่มีความสุขของแม่ มันฮีลใจได้จริงๆ