คนไทยสูดสารพิษ PM 2.5 ทุกลมหายใจฉีด NAD ซ่อมร่างกายแต่แลกกับโอกาสเป็นมะเร็ง?

รายการ On the way with Chom ของพิธีกรซุปตาร์ตัวแม่ ชมพู่ อารยา สัปดาห์นี้พาไปพบกับ “หมอแทน – นพ.ธนีย์ ธนียวัน” อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด วิกฤตบำบัด และการปลูกถ่ายปอด ที่มาให้ความรู้เรื่องการหายใจเอา PM 2.5 เข้าปอดเหมือนรับสารพิษรอวันตาย! ที่กระตุ้นโรคร้ายทุกประเภท NAD ซ่อมแซมร่างกายย้อนวัยเซลล์ได้แต่ต้องแลกกับโอกาสเป็นมะเร็ง? และการทำ IF สามารถเพิ่ม NAD ได้จริงไหม?

วันนี้มาพูดคุยกันถึงเรื่อง PM2.5 ว่าทำให้เราเจ็บป่วยยังไงบ้าง เดี๋ยวนี้จะไปไหนต้องเช็คสภาพดินฟ้าอากาศอย่างเดียวไม่ได้แล้วต้องเช็คค่าฝุ่นด้วย คุณหมอใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกามาก่อนที่โน้นเป็นยังไงบ้างคะ?
หมอแทน : ที่โน้น AQI อยู่ที่1 หรือ 2 ที่ๆ ผมอยู่นะครับ แล้วมันจะสูงขึ้นมาเฉพาะตอนมีไฟป่าเท่านั้นเองแต่นอกเหนือจากนั้น ก็คืออากาศบริสุทธิ์ ต่างจากมาไทยครับ พอลงเครื่องบินปุ๊ปทางครอบครัวเขาก็จะรู้สึกหายใจได้ปกติเพราะว่าชินแล้วกับ AQI ประเทศไทย แต่ผมลงมาก็รุ้สึกว่าสายตาเรามันมัวหรือเปล่า หรือเราหายใจแล้วมันแปลก ๆ แต่มันก็ไม่ใช่ ปรากฏว่ามันคือค่าฝุ่นที่สูงขึ้นสำหรับผมไม่ชินเท่านั้นเอง

มันกลายเป็นเรื่องตามฤดูกาลไปแล้วนะ PM2.5 ของบ้านเรา พอจะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวก็จะต้องมีปรากฏการณ์แบบนี้ มันมาจากอะไรได้บ้าง?
หมอแทน : มาจากการใช้ชีวิตของเราปกติเลยครับ เช่นถ้าอยู่ในครัวเรือนการหุงต้มต่าง ๆ ก็เกิดควันอันนี้ก็เป็น PM2.5 เหมือนกัน รถอันนี้แน่นอนทุกคนรู้ ขับรถก็มีท่อไอเสียออกมาพวกนี้ก็ PM2.5 เหมือนกัน สูบบุหรี่ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่จริง บุหรี่ไฟฟ้าหรืออะไรก็แล้วแต่มันก็สามารถทำให้เกิด PM2.5 ได้ ถ้าต่างจังหวัดก็ที่เขาเผาไร่อะไรพวกนี้ อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เกิดควันได้

PM 2.5 เป็นพาหะที่นำสารพาเข้าสู่ร่างกาย นอกจากที่เราจะรู้สึกว่าเป็นภูมิแพ้ แสบตา เป็นหวัด มันยังมีอะไรที่อันตรายไปกว่านี้ไหม?
หมอแทน : เยอะเลยครับ ต้องขอเล่าก่อนว่า PM2.5 ตามแต่ละที่มันจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดนะครับ เช่น บางแหล่งที่เกิดในกรุงเทพฯ มีรถมีอะไรพวกนี้ก็จะมีโลหะหนักเป็นส่วนประกอบด้วย แต่ถ้าเป็นการเผา เผาต้นไม้ สิ่งที่เกิดขึ้นมาก็มักจะเป็นสิ่งที่เราเรียกกันว่าไฮโดรคาร์บอนเยอะ ดังนั้นส่วนประกอบของมันก็จะไม่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นส่วนประกอบอะไรก็เป็นอันตรายต่อหลาย ๆ อย่างในร่างกายของเรา

อย่างนี้คนที่ทำงานอยู่ท่ามกลาง PM2.5 ตลอดเวลา สะสมสารเหล่านี้เข้าไปในร่างกาย แล้วมันเกิดอะไรขึ้นได้บ้างคะ?
หมอแทน : PM2.5 ถ้าหายใจเข้าไปก็จะเข้าสู่หลอดลมส่วนลึกของปอดได้เลยนะครับ ตรงปลายของหลอดลมมันคือถุงลม รอบ ๆ ถุงลมมันจะมีเส้นเลือดฝอยพันอยู่เพื่อที่จะมีการแลกเปลี่ยนก๊าซ แต่ทีนี้การที่มันมีเส้นเลือดฝอยพันถุงลม ฝุ่นเข้าไปตรงนั้นสามารถซึมทะลุเข้าไปในเส้นเลือดเราได้เลย แล้วเส้นเลือดเรามันก็ไปทั้งร่างกายถูกไหมครับมันก็แปลว่าฝุ่นมันไปได้ทั้งหมดเลยในร่างกายเรา

แต่จริง ๆ ก็ต้องบอกว่ามันก็มีสิ่งบางอย่างในร่างกายเพื่อที่จะช่วยไม่ให้ฝุ่นมันเข้าไปในร่างกายเราได้ ส่วนหนึ่งก็คือเยื่อเมือกที่อยู่ในร่างกายของเรากรองได้ส่วนหนึ่ง ขนจมูกถึงส่วนปลายของหลอดลม ตรงนั้นก็จะมีเซลล์ เรียกว่าแมคโครฟาจ จะเป็นเซลล์ที่เอาไว้จับกินสิ่งแปลกปลอม 1 ในนั้นก็คือ PM2.5 แต่ถ้าเกิดว่ามันจับแล้วมันมากเกินไปมันทำลายฝุ่นทิ้งไม่ได้ จับไม่ทันเหมือนเราเอาขยะไปถมที่เยอะ ๆ แบบนี้ ก็จะทำให้เกิดการอักเสบขึ้นมาในร่างกาย แล้วฝุ่นที่มันจับไม่ทันก็จะเข้าสู่กระแสเลือดแล้วจะกระจายทั้งหมดเลย

พอมันกระจายไปตรงไหนมันก็ไปเกิดการอักเสบตรงนั้นใช่ไหม ?
หมอแทน : ถ้าเราไล่ไปตามอวัยวะมันก็เกิดได้ทุกโรค เช่น ทางสมองก็มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดอัลไซเมอร์ กับ พากินสัน ก็มีส่วนนะครับ ความคิดช้าตามอายุบางทีก็ไม่ใช่แค่อายุอย่างเดียว อาจจะมีเรื่องของ PM2.5 เข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าเป็นเรื่องของโรคหลอดเลือดกับหัวใจ เนื่องจากว่า PM2.5 ทำให้เกิดการอักเสบได้เวลาหลอดเลือดมันอักเสบมันก็จะมีปัญหาต่าง ๆ เช่นถ้าเราเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อันนี้ต้องบอกตรง ๆ ว่าถ้าเราอยู่ในบริเวณที่มันมีฝุ่นเยอะ ๆ มันก็เหมือนเราสูบบุหรี่ตลอดเวลา

เห็นบอกว่ามีผลทำให้สามารถที่ยีนส์หรือว่าพันธุกรรมมันกลายพันธ์ได้เลยใช่ไหม ?
หมอแทน : แน่นอนครับเพราะว่าการที่มันมีการอักเสบพวกนี้มาก ๆ ร่างกายของเราก็ไม่สามารถซ่อมแซมได้ทัน พอมันซ่อมแซมไม่ทันตัว DNA ของเราบางครั้งมันก็เกิดการกลายพันธ์ขึ้นมาก็ทำให้เกิดเป็นมะเร็งชนิดต่าง ๆ ได้ แล้วหลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นมะเร็งปอดได้อย่างเดียว เพราะมันเกี่ยวข้องกับการหายใจ แต่เอาจริง ๆ อย่างที่บอกมันเข้าไปในกระแสเลือดเรา และกระแสเลือดก็ไปทั้งร่างกายก็แปลว่ามันทำให้เกิดมะเร็งที่อื่นได้ แต่ตอนที่เขาเจอกันก็อย่างเช่น มะเร็งเต้นนมในผู้หญิง มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งมันไม่ได้อยู่ใกล้ปอดเลยแม้แต่นิดเดียว เราไม่ได้หายใจแล้วมันไปทางเต้านม

แล้วทำไมเขาถึงสามารถย้อนไปได้ว่ามะเร็งอันนี้มันเกิดจาก PM2.5 ?
หมอแทน : ไปดูตรงบริเวณที่มันมีความแตกต่างระหว่าง PM2.5 กับที่ๆ มันไม่มีเจอว่าบริเวณที่มันมีเยอะขึ้นมามะเร็งพวกนี้มันเยอะขึ้นด้วย อันนี้คือส่วนหนึ่งแล้วบางทีมันมีการพิสูจน์ผ่าไปดูว่ามะเร็งพวกนี้มีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง เขาก็ไปเจอบางอย่างที่มันอยู่ในนั้นที่ทำให้เขาสงสัยว่ามันอาจจะมีความเกี่ยวข้องกัน

ทำไมมันชอบเข้ามาในช่วงที่ใกล้จะเข้าหน้าหนาว ?
หมอแทน : มันหลากหลายประการ คือ มันจะมีคำ ๆ หนึ่งที่เรียกว่าอุณหภูมิผกผันโดยปกติช่วงหน้าหนาวกลางวันแดดมันส่องมันก็ร้อน แต่ว่าตอนกลางคืนมันเย็นเร็ว พอมันเย็นเร็วไอ้ชั้นความร้อนที่มันอยู่ใกล้ ๆ ผิวมันเริ่มลอยขึ้นจะลอยขึ้นไปช้า ๆ จะไม่ลอยออกไปเลย จะลอยค้างอยู่สักที่หนึ่ง อุณหภูมิข้างล่างจะเย็นการที่มีอุณหภูมข้างล่างเย็นแล้วข้างบนร้อนมันเหมือนเป็นกล่องที่เก็บฝุ่นทั้งหมดไว้เลย ฝุ่นมันลอยพอเจอความร้อนปุ๊ปมันก็จะชนแต่มันไม่สามารถทะลุความร้อนไปได้ ดังนั้นมันจะชนปุ๊ปแล้วก็จะไปด้านข้าง ๆ หน้าหนาวจะเกิดภาวะนี้บ่อยกว่า

อยู่แต่ในบ้านปลอดฝุ่นไหมคะ ?
หมอแทน : ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราทำยังไงกับบ้านเรา แนะนำว่าการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับบ้านเรา ก็คงจะเป็นเครื่องกรองอากาศ แต่เครื่องกรองอากาศก็ขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่ตรงที่มีอากาศใหม่เข้ามามากแค่ไหน ถ้าอยู่ตรงหน้าต่าง อากาศใหม่เข้ามาเยอะมันก็ฟอกไม่ทัน แต่จะไม่เปิดก็ไม่ได้เพราะมันจะเป็นอากาศเก่าแล้วเราก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าอากาศมันไม่ไหลเวียนถ่ายเทได้ดีมันก็จะมีปัญหาต่าง ๆ ตามมา กลางวันบางทีเราก็เปิดให้อากาศใหม่มันเขามา แต่หลังจากนี้เราก็ปิดแล้วก็ใช้เครื่องกรองอากาศอีกทีหนึ่ง

หรือว่าบางทีเราต้องทำความสะอาดบ้านเพราะบางคนใช้เครื่องดูดฝุ่นอย่างเดียวมันไม่ค่อยดี เพราะว่าดูดแล้วฝุ่นมันฟุ้งอาจจะต้องใช้น้ำถูก่อนให้ฝุ่นมันอยู่กับพื้นก่อน เพราะถ้าเรากวาดไปเลยหรือใช้เครื่องดูดบางทีมันฟุ้งกะจาย เครื่องดูดฝุ่นมันก็ไม่ได้ออกมาเพื่อเก็บฝุ่น PM2.5 บางทีมันก็เก็บแค่ฝุ่นใหญ่ ๆ หรือว่าเส้นผม ฝุ่นพวกนี้มันสามารถเล็ดลอดตัวฟิลเตอร์ออกมาได้ คือมันยากยังไงเราก็หลีกไม่พ้น ดังนั้นเราก็ลองทำวิธีที่รองลงมาก็คือเราต้องเช็คฝุ่นก่อนออกจากบ้าน ถ้าวันไหนฝุ่นเยอะเราก็ต้องใส่หน้ากากที่มันกันฝุ่นได้หน่อย

มีวิธีช่วยดีท็อกซ์ PM2.5 ที่ไปเกาะอยู่ในปอดเราบ้างไหมคะ ?
หมอแทน : ก็พอได้เหมือนกัน สมมุติว่าเราลดที่มีฝุ่นเข้าไปในร่างกายแล้ว ต่อไปเราเอาวิธีในการขับมันออกให้เร็วขึ้น วิธีหนึ่งที่มันพอทำได้ก็คือการที่เราทำให้เหงื่อออก เช่น ถ้าเราไปออกกำลังกาย แต่ไม่ได้หมายถึงการที่ไปออกกำลังกายกลางฝุ่นอันนั้นไม่ได้เหมือนกัน อาจจะในฟิตเนสหรือในบ้าน ถ้าเราเหงื่อออกบางทีมันขับบางอย่างออกไปทางเหงื่อได้ หรือการไปทำซาวน่า หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เราร้อนขึ้นมา แช่น้ำร้อนก็ได้

อาหารเสริมที่ช่วยล้างพิษออกจากปอดมีไหม ?
หมอแทน : เอาตรง ๆ คือไม่มีครับมันไม่มีอาหารอะไรที่เข้าไปล้างพิษได้เลยจริง ๆ แต่ว่าสิ่งที่เราพอจะทำได้ เรารู้ว่ามันไปเกิดการอักเสบในร่างกายไปทำให้เซลล์ของเรากลายพันธ์ ทำให้เซลล์ของเราแก่ลงเราสามารถไปแก้ไขตรงนี้พอได้ มันมีทั้งวิธีธรรมชาติและไม่ค่อยธรรมชาติ ธรรมชาติผมว่าทุกคนรู้จักดีอย่างเช่น ออกกำลังกายดีอยู่แล้ว เป็นการกระตุ้นภูมิต้านทานให้มันกำจัดของพวกนี้ได้เร็วขึ้นแข็งแรง แน่นอนว่าภูมิของเราก็ต่อสู้สิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น การพักผ่อนเพียงพอพวกนี้ก็ลดการอักเสบต่าง ๆ ของร่างกาย การอยู่กับธรรมชาติ

หลีกเลี่ยงพวกอาหารที่มีปัญหา ทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วว่าทานอาหารประเภทไหนมันดีต่อร่างกาย PM2.5 มันน่ากลัวกว่าที่ทุกคนคิดเยอะเลยนะ แก่ได้เร็วอีกต่างหาก เพราะมันไปเร่งกระบวนการการกลายพันธ์ของเซลล์พวกนี้แล้วก็ทำให้เซลล์มันมีปัญหาได้ เกิดการอักเสบเยอะก็ยิ่งแก่เร็ว ถ้าวิธีไม่ธรรมชาติเขาก็เริ่มไปดูกันว่ามันมีกลไกอะไรไหมที่เราจะจัดการกับการอักเสบต่าง ๆ ในร่างกาย ก็จะมีคนพยายามคิดว่าถ้าไม่นับเรื่องอาหารแล้วอาหารเสริมมีส่วนไหม หรือการไปทำวิธีต่าง ๆ ทางคลินิก หรือตามเวชศาสตร์ชะลอวัยพอจะมีส่วนช่วยได้บ้างไหม ต้องบอกไว้ก่อนว่าวิธีต่าง ๆ เหล่านี้มันยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าจะทำได้แน่ ๆ แต่มันมีการคิดทางทฤษฎีว่าอาจจะทำได้

ตอนนี้ Research ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นหนูใช่ไหมคะคุณหมอ ?
หมอแทน : มีเริ่มในคนบ้างแล้ว แต่ยังไม่ถึงกับว่าเราบอกได้ว่ามันดีแน่ ๆ อย่างศาสตร์พวกนี้เขาเอามาใช้ในการย้อนวัยก่อน เริ่มมาจาก ดร.เดวิด ซินแคลร์ ค้นพบยีนส์ที่เกี่ยวข้องกับการแก่แล้วเขาไปลองทำยังไงให้ยีนส์ตัวนี้ทำงานดีขึ้น อีกวิธีหนึ่งเป็นของ Dr.Shinya Yamanaka ที่ค้นพบวิธีย้อนวัยเซลล์ได้คนแรกและทำได้จริง ๆ แต่วันมันจะต้องใช้ยีนส์ 4 ตัวด้วยกัน 1 ในนั้นเป็นยีนส์มะเร็งด้วยแล้วทีนี้ Dr.Shinya เขาเอาไปทำ เขาไม่อยากได้ยีนส์มะเร็งเขาจะเอาแค่ 3 ยีนส์ที่เหลือเราก็ต้องไปปรับปรุงมันอีกนิดหนึ่งเพราะว่าถ้าเราใช้วิธีนี้ย้อนวัย เรากำหนดไม่ได้เลยว่ามันจะย้อนไปถึงเมื่อไหร่ สมมติถ้าเราย้อนวัย 40 แล้วกลายไปเป็น 0 ปีอย่างนี้ เราก็ต้องมีการกำหนดได้ว่าเราอยากจะย้อนไป 5 ปีไม่มากกว่านั้น

ให้คุณหมออธิบายว่า NAD ทำไมคนถึงอยากฉีด ?
หมอแทน : ตัว NAD เป็นอนุพันธ์หรือเขาเรียกว่าเพื่อน ๆ ของวิตามิน B3 สารตัวนี้มันเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้ว มันเกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงานให้กับร่างกายให้กับทุก ๆ เซลล์ ทุกเซลล์มันต้องใช้พลังงานก็ต้องใช้ตัวนี้เหมือนกัน แต่มันไม่ได้มีหน้าที่แค่สร้างพลังงานอย่างเดียวมันยังมีหน้าที่ในการร่วมกับตัวอื่น ๆ ซ่อมแซมเซลล์ที่มันเสีย หรือว่าเซลล์ที่มันมี DNA ผิดปกติไปช่วยในการที่ทำให้ตัวโรงงานผลิตพลังงานของเราหรือไมโทคอนเดรีย สร้างหรือผลิตขึ้นมาเพราะถ้าโรงงานมันเก่ามันก็ไม่ค่อยดีเราช่วยให้มันสร้างใหม่แล้วก็ลดการอักเสบคือมันแทบจะทุกอย่างเลยที่มันช่วยได้ แล้วปัญหาคือมันจะสูงที่สุดคืออายุ 25-30 ปี หลังจากนั้นมันจะลดลงไปเรื่อย ๆ อย่างเช่นอายุ 50 นี่มันจะลดเหลือสักครึ่งหนึ่งของช่วงที่มันพีคสูงสุดคน ก็เลยมีความคิดว่าเพราะอย่างนี้หรือเปล่ามันถึงทำให้ร่างกายเรามีปัญหาต่าง ๆ ตามมาตามอายุเพราะว่ามันลดลงไปเรื่อย ๆ เลย แล้วถ้าเราไปเติมมันล่ะมันจะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ความเสื่อมของร่างกายหรือโรคที่มันมากับอายุได้ไหม เช่น เบาหวาน ความดัน โรคอ้วน ไขมัน สมองอะไรอย่างนี้

นอกจากอายุแล้วมีปัจจัยอะไรอีกไหมที่ทำให้ NAD ลดลงเร็ว ?
หมอแทน : อย่างที่บอกนะครับตัว NAD มันเป็นตัวที่ต้องประกอบกับอย่างอื่นที่จะใช้ในการทำหน้าที่บางอย่าง เช่น สมมติว่าคนเราใช้ชีวิตเจอ PM2.5 ทุกวันร่างกายมีการอักเสบตลอดเวลาเซลล์มันมีปัญหาแล้วมันต้องซ่อมในกระบวนการซ่อมเซลล์พวกนี้ มันก็ต้องทำหน้าที่ร่วมกับตัวอื่นเช่นมันจะมีเอนไซม์ PARP ตัวนี้มันจะไปบอกเลยว่าเซลล์ตรงนี้มันผิดปกติ เหมือนเอาสติกเกอร์ไปแปะแล้วตัว NAD มันก็ต้องเข้ามาร่วมทีนี้ถ้าเกิดมันมีเซลล์พวกนี้เสียเยอะ ๆ ถ้าเจอแสง เจอ PM2.5 เยอะ ๆ มันก็ต้องใช้ NAD เยอะขึ้นเรื่อย ๆ ใครเจอเยอะมันก็ใช้เยอะ มันก็ลดเร็ว ใครเจอน้อยไม่ค่อยเครียดไม่ค่อยเจอ PM2.5 มันก็อาจจะไม่ต้องใช้เยอะ

แล้วอย่างนี้เราจะเติม NAD เข้าสู่ร่างกายได้ด้วยวิธีไหนบ้าง ?
หมอแทน : วิธีที่ตรงที่สุดในการเอาเข้าไปในร่างกายก็คือฉีดเข้าไปเลย มันก็เป็นวิธีหนึ่งแต่ปัญหาของการฉีด มันก็มีได้หลากหลายเพราะว่ามันสามารถมีผลข้างเคียงระยะสั้นได้และผลข้างเคียงบางอย่างเป็นผลทางทฤษฎี แต่ผลข้างเคียงทางทฤษฎีมันน่ากลัวอย่างหนึ่งก็คือมะเร็ง ถ้าเกิดใครมีมะเร็งอยู่ในร่างกาย มะเร็งมันเป็นเซลล์ที่ใช้พลังงานเยอะมากแล้วถ้าเกิดเอาสารที่ไปเพิ่มพลังให้มะเร็งมันก็อาจจะโตได้ นี่เป็นทางทฤษฎีเท่านั้นยังไม่มีการพิสูจน์ เพราะฉะนั้นเรายังตอบไม่ได้ว่าเป็นจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่อีกอันหนึ่งที่เรามีปัญหาระยะสั้นก็คือถ้าตอนที่กำลังฉีด บังเอิญฉีดโดสสูงเกินไปฉีดเร็วเกินไป คนไหนที่เขาไวต่อพวกนี้มาก ๆ เช่นคนที่น้ำหนักน้อยเหมือนคนเอเชีย ไม่ใช่คนฝรั่งตัวใหญ่ก็มีผลข้างเคียงเยอะเลย เช่นปวดหัว ใจสั่น หน้าแดง ตัวแดง มีตะคริวเกิดขึ้นมาในร่างกาย บางคนรู้สึกเหมือนจะตายเลยหายใจไม่ออก ซึ่งอันนี้เราเคยมีประสบการณ์อยู่แล้วหลาย ๆ คนบางทีฉีดก็เคยเจอแบบนี้พอครั้งที่สองไม่เอาแล้วไม่ฉีดแล้ว

ตอนนี้มีงานวิจัยอะไรใหม่ ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ NAD บ้างคะ ?
หมอแทน : ตอนนี้ ดร.เดวิด ซินแคลร์ เขากำลังลองไปใช้กับโรค ไม่ได้ใช้กับคนธรรมดา คนธรรมดาเราก็รู้อยู่แล้วเราอยากย้อนวัย แต่ว่ากับโรคเมื่อ NAD มันต้องแก้ไขจากโรคกับความเสื่อมได้เขาเลยอยากจะเอาไปทดลองจริง ๆ อย่างเช่น ปอดเป็นพังผืดเขากำลังทดลองอยู่ตรงนี้ต้องรอผลก่อน ไปทดลองกับคนที่มีโรคเส้นประสาทเสียเพราะว่ามันเสียเพราะมันเสื่อมส่วนหนึ่งถ้าเราไปแก้ไขตรงนี้มันจะถอยกลับมาเป็นแบบเดิมได้ไหม

แบบนี้เราสามารถเพิ่ม NAD ด้วยวิธีธรรมชาติได้ไหม?
หมอแทน : แน่นอนกลับไปสู่พื้นฐานออกกำลังกายช่วยแน่นอนอยู่แล้วครับ อาหาร ปัจจุบันอาหารที่ดีที่สุดก็คือ balance diet แล้วก็เน้นพวกผัก แล้วก็การพักผ่อนเพราะถ้าเรามัวแต่ใช้พลังงานทั้งวันเราไม่พักเลย NAD มันก็ถูกใช้ไปเรื่อย ๆ

เห็นบอกว่า IF ก็สามารถเพิ่ม NAD ได้ ?
หมอแทน : มันก็มีส่วน คือ IF มันเป็นการบอกว่าขณะนี้เราไม่มีพลังงานมาเติมในร่างกายแล้วนะ เราอดอาหารอยู่ พอเราไม่มีพลังงานร่างกายมันก็พยายามจะเก็บทุกอย่างไว้มันก็จะมีกระบวนการมากมายที่จะเก็บสารพวกนี้ 1 ในนั้นก็คือ กระบวนการลีนลงของร่างกาย คือถ้าเรามีพลังงานมหาศาลเราจะเอามันไปทำอะไรก็ได้แต่ถ้าเรามีจำกัดร่างกายมันก็ต้องเอาของเก่ามาใช้ เช่น เรามีเซลล์เก่า ๆ อยู่มันไม่ค่อยมีหน้าที่เราย่อยมันทิ้งเลยดีกว่าแล้วก็สร้างตัวใหม่ที่มันดีกว่า NAD ก็อยู่ในกระบวนการนี้ทั้งหมดเหมือนกัน