“อ๋อม สกาวใจ” เผยเหตุการณ์ที่ทำให้สะเทือนใจที่สุดในชีวิต

นางร้ายหน้าสวย “อ๋อม-สกาวใจ พูนสวัสดิ์” เล่าถึงชีวิตในวงการบันเทิง 30 กว่าปี เป็นคนที่ทำอะไรสุดทุกอย่างทั้งงานแสดงและเส้นทางการเมือง พร้อมเผยถึงเหตุการณ์ที่ทำให้สะเทือนใจที่สุดในชีวิต ในรายการ WOODY FM

เป็นยังไงบ้างชีวิตของนักการเมือง ?
อ๋อม สกาวใจ : ดีค่ะได้อะไรใหม่ๆ ได้วิธีคิดใหม่ ได้ลงไปเจอผู้คนที่แบบไปสัมผัสจริงๆ

มีอะไรที่เราเห็น แล้วเราไม่เคยเห็นในตอนเป็นดารา ?
อ๋อม สกาวใจ : พวกระบบต่างๆ ที่เรารู้ผิวเผินภายนอก แต่พอเราเข้าไปแล้วก็ อ๋อ! มันต้องเป็นขั้นเป็นตอนแบบนี้

คุณเป็นคนที่ค่อนข้างจะตรงแล้วก็ชัดเจนมากเลยว่าไม่ได้ต้องการอะไรที่ไม่ถูกต้อง ?
อ๋อม สกาวใจ : ใช่ เป็นคนที่ชอบดูข่าว ชอบอ่านหนังสือพิมพ์ ชอบอ่านหนังสือ คืออยากรู้เรื่องราวว่าโลกเขาไปถึงไหนแล้ว พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ข่าวการเมืองเป็นแบบนี้ ข่าวอันนี้เป็นแบบนี้ แต่ไม่ได้คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้ก้าวเข้ามาอยู่ในจุดนี้ เพราะว่าตอนเด็กๆ คิดว่าเราอยากจะเป็นนักแสดงแล้วก็ได้มาเป็นจริงๆ

แล้วงานแสดงเขายังให้ทำไหม ?
อ๋อม สกาวใจ : เป็นได้ค่ะ จริงๆ เขาไม่ได้ห้ามนะคะ แต่แค่ว่ามีเวลาหรือเปล่า

แล้วคุณแบ่งเวลายังไง ?
อ๋อม สกาวใจ : ตอนนี้อ๋อมไม่ได้เป็น ส.ส. แค่เป็นคณะที่ปรึกษารัฐมนตรี มีอะไรเราสามารถที่จะเข้าไปช่วยเหลือตรงไหนได้เราก็ทำ

วางแผนชีวิตยังไงต่อ ?
อ๋อม สกาวใจ : คืออ๋อมเป็นคนที่ทำอะไรทำสุด เล่นละครก็เล่นละครสุดความยากของตัวเองคือเราไม่มีผู้จัดการ เราเกิดมาดูแลตัวเองมาตั้งแต่เข้าวงการ แล้วเวลาทำงานความที่เป็นอุปสรรคของเราคือเราจะต้องทำอะไรก็ได้เพื่อที่จะให้ทุกคนอยากจ้างเรา เหมือนแบบนึกถึงเรา แล้วเราก็อยู่ในวงการนี้ได้มาประมาณ 30 กว่าปีจากฝันที่ตั้งแต่เด็กเราก็รู้สึกว่าประสบความสำเร็จในการเป็นนักแสดง กับเส้นทางการเมืองเราอาจจะแพ้ แต่ว่าวันหนึ่งเราก็ชนะได้ใครจะไปรู้

เหตุการณ์ที่ทำให้สะเทือนใจที่สุดในชีวิต ?
อ๋อม สกาวใจ : น้องหมาค่ะ ก่อนที่จะท้องจะมีครอบครัว เรากับแฟนอยากเลี้ยงสุนัขสักตัวหนึ่ง อ๋อมก็ไปถูกชะตากับน้องคนหนึ่ง อยู่เชียงใหม่พันธุ์เฟรนบูลด็อก เพื่อมาเลี้ยงด้วยกันกับแฟน ตั้งชื่อเขาว่ารถดั้ม เขาก็ซื่อสัตย์รักเจ้าของแล้วรถดั้มก็มีอ๋อมและคุณเอเป็นโลกทั้งชีวิตของเขา จนเราก็รู้สึกว่าเขาเหมือนจะเหงาก็เลยได้ไปหาตัวอื่นมาด้วยมาอยู่กับเขาอีก 2 ตัว (ร้องไห้) คิดถึงเขาถ้าย้อนเวลากลับไปได้อาจจะดูแลเขามากกว่าเดิม แล้วอ๋อมก็เลี้ยงเขาได้มาจนอายุ 10 ปี

จนอ๋อมแต่งงาน แล้วก็ท้อง เขาก็ยังอยู่กับเราเล่นกับเรา แต่หมาอีก 2 ตัวที่เอามาเป็นเพื่อนเขา เราก็รักทั้งหมดเหมือนกัน แต่บังเอิญว่าเราเสียใจที่สุดสำหรับรถดั้ม เพราะว่าเราผูกพันและรู้สึกว่าดูแลเขาไม่ดีพอ วันหนึ่งเขาก็มีเนื้องอกที่ตรงหลังมันปูดออกมาก็รู้สึกว่าอาจจะเป็นต่อมอะไรสักอย่างแต่ในใจคิดว่าอย่าให้เป็นมะเร็งนะ มันก็ค่อยๆปูดจนวันหนึ่งอ๋อมคลอดลูก จากที่เราเล่นกับเขาเยอะ แต่พอมีลูกเราไม่มีเวลาให้เขาเลย เพราะว่าต้องดูแลลูก แต่เวลาเรากลับบ้านก็จะบอกเขาทุกครั้งว่าแม่รักรถดั้มเหมือนเดิมนะ แม่ไม่ได้ไปไหนนะแต่แม่ต้องดูแลน้อง ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจหรือเปล่า

พอมีลูกก็ย้ายบ้านเขาก็มาอยู่กับเรา แต่ว่าเขาไม่ได้มาคลุกคลีกับเราในบ้านเหมือนเดิมเพระมีเด็ก แล้วทุกวันเขาก็จะมานั่งมองเราที่ห้องทานข้าวมันจะมีกระจกใส จะมานั่งรอทุกวันว่าเมื่อไหร่แม่จะเปิดประตูมาเล่นกับเขานะ อ๋อมก็จะทักทายแต่ว่าไม่ได้ไปคลุกคลีไม่ได้อุ้มเล่นเหมือนเดิม จนวันหนึ่งเนื้องอกที่ปูดมาเรื่อยๆ มันก็แตก พอมันแตกก็เลยพาไปหาหมอ เขาก็เอกซเรย์แล้วก็เรียกเรามาดูเขาก็บอกว่ารถดั้มเป็นมะเร็ง เขาก็บอกว่าเสี่ยงมีแต่รอดกับตายเลย มันเสี่ยงมากเพราะว่าเขาแก่แล้ว

งั้นเราไม่ผ่าเพราะว่ามันต้องวางยาด้วย แล้วเขาหน้าสั้นจะหายใจลำบาก ก็ไม่ผ่าให้เขาอยู่กับเราไปเรื่อยๆ (ร้องไห้) ซึ่งอ๋อมรู้สึกเสียใจที่เราไม่ได้เล่นกับเขาเหมือนเดิม ก็ยังคิดถึงเขาอยู่ทุกวัน แล้วเขาจากไปในวันที่เราลงพื้นที่หาเสียง ไม่ได้อยู่กับเขา ถ้ารถดั้มยังอยู่ก็อยากจะบอกกับเขาว่า แม่ขอโทษนะที่รถดั้มอาจจะเข้าใจผิดว่าที่แม่มีน้องแล้วลืมเขา แม่มีน้องแต่แม่ก็ยังรักรถดั้มเหมือนเดิม

ชีวิตที่เรียบง่าย ?
อ๋อม สกาวใจ : ชีวิตอ๋อมก็เป็นชีวิตที่เรียบง่าย เกิดมาเป็นลูกคนเดียว เรียนหนังสือธรรมดาคุณพ่อรับส่งมาตั้งแต่เด็ก จนวันหนึ่งเราได้เข้ามาเป้นนักแสดงอยู่วงการบันเทิงมาตั้งแต่อายุ 13 จนตอนนี้ก็ 47 ถ้าเดือนสิงหาคมก็ครบ 48 ปี ก็อยู่วงการมาเกินครึ่งชีวิตไปไหนมาไหนก็เป็นคนเรียบง่าย เป็นคนสนุก ใครเจอเราก็จะสร้างความสุขให้เขา