ติวเตอร์-ยิม โดนบูลลี่ไม่ตรงปกติดสำเนียงเหนือ จนเกือบถอดใจลาวงการ

กว่าจะมีวันนี้ เคยโดนบูลลี่จนเกือบถอดใจอำลาวงการ พร้อมอัพเดตสถานะความสัมพันธ์ของกันและกัน

“ติวเตอร์-กรภัทร์ ลำน้อย” และ “ยิม-ปริญญากรณ์ ขันสวะ” นักแสดงหนุ่มหน้าใส คู่จิ้นจากซีรีส์สุดฮอตที่ประสบความสำเร็จทั้งในประเทศไทยและเอเชีย ย้อนเล่าจุดเปลี่ยนของจุดชีวิตกว่าจะมีวันนี้ เคยโดนบูลลี่จนเกือบถอดใจอำลาวงการ พร้อมอัพเดตสถานะความสัมพันธ์ของกันและกัน ในรายการ WOODY INTERVIEW

ทั้งคู่อยู่ในวงการมาสักพักหนึ่งแล้วและผ่านอะไรมาเยอะมาก ความรู้สึกตอนนี้ที่มีโอกาสอยู่ในวงการและมีคนติดตามเยอะมาก ?

ยิม : ดีใจครับ แฮปปี้มากที่มีคนซัพพอร์ตเราเยอะมากๆ ซึ่งความจริงที่ผมทำอยู่ในตอนนี้มันเป็นสิ่งที่เป็นความฝันวัยเด็กตั้งแต่ 16-17 ครับ ระยะเวลาผ่านมายาวนาน ตอนนั้นเราก็ไม่ได้เก่งพอผ่านมาวันนี้รู้สึกปลื้มปริ่มใจมากๆ ไม่ได้คาดคิดว่าจะมาถึงวันนี้ได้ 

แปลว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมาเคยมีช่วงที่เหมือนกับจะไม่ได้เข้าวงการ ?

ยิม : ถอดใจครับ ตอนนั้นเป็นช่วงโควิด จะได้เล่นเป็นคู่รักคู่แรก เรื่องแรกด้วยครับ พอโควิดมาสถานการณ์ไม่ดี นายทุนถอด จบ! เลยได้อยู่ว่างๆ มา 1 ปี ตอนนั้นเลยรู้สึกว่าไม่น่าใช่ทางเราแล้ว หลังจากผ่านไป 1 ปีผู้จัดการของผมก็ชักชวนให้ไป DOMUNDI เราก็ยังชั่งใจแต่พอไป Workshop ครั้งที่ 1 และ 2 แล้วสิ่งที่ทำให้เป็นจุดเปลี่ยนก็คือครั้งที่ 3 มีการรวมพลแฟนคลับ แล้วมีแฟนคลับวิ่งเข้ามาดีใจมากที่เจอเรา เลยรู้สึกว่าอย่างน้อยเรามาถึงจุดนี้แล้วยังทำให้หลายๆ คนมีความสุขได้อีกเยอะเลยนะ ทำไมเราถึงไม่ทำต่อ ก็เลยเป็นจุดที่โอเคผมจะทำเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เขา ความสุขให้กับเขาครับ   

ติวเตอร์เองก็เจอเรื่องคล้ายกัน ที่กลับมาแคสงานแล้วไม่ผ่านใช่ไหม

ติวเตอร์ : ใช่ครับ ตอนนั้นเราเรียนอยู่ประมาณปี 1 ก็จะมีค่ายเล็กค่ายใหญ่ที่ติดต่อให้ไปแคสที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นผมเรียนอยู่เชียงใหม่ครับ

อู้กำเมือง ได้ ?

ติวเตอร์ : ได้ครับ ยิมก็คนเหนือเหมือนกันครับ แต่ส่วนมากเราไม่ค่อยได้พูดกันบ่อย เพราะเคยโดยบูลลี่ว่าเราเป็นคนติดสำเนียงเหนือ จากที่ผมไปแคสงานก็มีคอมเมนต์หลายๆ อย่าง ว่าติดสำเนียงเหนืออาจจะทำงานยากนะในวงการประมาณนี้ครับ พอมาก็โดนต่างๆ คนนี้ตัวจริงทำไมดูอ้วนกว่า ทำไมผิวดำ ตอนนั้นผิดหวังมากที่เราไม่ได้ครับ เป็นแบบนี้วนไปเรื่อยๆ ครับ แต่ก็ยังมีคนติดต่อเราให้ไปแคสซึ่งตอนนั้นเราถอดใจไปแล้ว จนผมก็ยอมไปเจอเขาคือผู้จัดการในตอนนี้ เราได้คุยกันไปชั่วโมงกว่า เขาให้คำแนะนำต่างๆ ว่าเราต้องทำยังไงบ้าง หลังจากวันนั้นก็เริ่มเชื่อมั่นในตัวเอง พี่อ๊อฟก็ชวนไปอยู่ค่าย DOMUNDI ก็ได้เล่นซีรีส์

เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้มีแฟนๆ ทั่วเอเชียเลย ?

ยิม : ดีใจมากๆ ครับ ที่มีคนรักเราขนาดนี้ แล้วก็ซัพพอร์ตเราตลอดไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม

นี่เป็นครั้งแรกในการทอล์กอย่างจริงจัง ?

ยิม-ติวเตอร์ : ใช่ครับ

ทราบมาว่าก่อนหน้านี้มีปัญหาเรื่องการสื่อสารจนกลายเป็นประเด็นที่ต้องเคลียร์กับเพื่อนๆ ที่ DOMUNDI ?

ยิม : คือตอนที่เข้ามาแรกๆ ผมเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง แต่ก่อนหน้านั้นที่จะพูดไม่รู้เรื่องผมเป็นคนไม่พูดเลย แล้วพัฒนาตัวเองจนมาพูด พอพูดปุ๊บกลายเป็นเราพูดไม่รู้เรื่อง พูดอะไรคนอื่นไม่เข้าใจ จนมีการเปิดใจใน DOMUNDI

มีความกล้ามากขึ้นแต่ก็รู้สึกว่าตัวเองพูดไม่รู้เรื่อง ?

ยิม : ครับ มีคนบอกเราก็เสียใจ คือพอเราพูดไม่รู้เรื่องเลยทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนด้วย แต่พอเปิดใจคุยกันเรียบร้อยแล้วทุกคนจริงใจกับเรามากๆ มีอะไรก็บอกตรงๆ เลยทำให้เรารู้จุดบกพร่องในการแก้ไข 

ทุกวันนี้ที่ตื่นมาอะไรคือความสุขที่สุด ?

ติวเตอร์ : ในปีนี้จุดเปลี่ยนเลยก็คือแฟนคลับครับ มีความรู้สึกว่าเราอยากให้ความสุขกับทุกๆ คนในทุกวัน ได้เห็นทุกคนมีความสุขเราก็มีความสุขไปด้วยครับ

ยิม : ตั้งแต่ตื่นนอนครับ บางทีตื่นเช้ารู้ว่าเหนื่อยแต่พอได้ทำงานแบบที่เราอยากทำหรือว่าเราชอบ พัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ ในการทำงานแต่ละครั้งรู้สึกแฮปปี้มากๆ ที่ได้ทำงานในสิ่งที่เราชอบและได้ความรักจากแฟนคลับกลับมาด้วยครับ 

ความรักระหว่างคุณ 2 คน หลายๆ คนสนใจตั้งแต่ในซีรี่ส์แล้ว พอมานอกจอคนก็ฟินมากเวลาเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน เจอกันครั้งแรกเป็นยังไง ?

ติวเตอร์ : ครั้งแรกที่เจอกันไม่คุยกันเลย เจอกันที่ร้านตัดผม ผู้จัดการพาเรา 2 คนไปตัดผมร้านเดียวกัน วันนั้นมองหน้ากันต่างคนต่างงงแล้วก็ทักกันคำสองคำแล้วก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยครับ  

ยิม : ผมก็เป็นคนไม่คุยเหมือนเขา เรา 2 คนเหมือนกัน

ติวเตอร์ : ถ้าไม่มาทักก่อนก็ไม่มีทางได้คุย หลังจากนั้นก็มาเจอกันงานอีเว้นท์งานหนึ่ง พี่อ๊อฟก็จับเรามานั่งคุยกัน หลังจากนั้นก็คุยกันมาเรื่อยๆ แล้วเราก็ได้มีโอกาสมา Workshop แล้วก็ได้จูบกันครั้งแรก คือตอนนั้นเขินตัวแดงหูแดงทุกอย่างครับ 

ยิม : พูดแล้วก็ยังเขินอยู่เลยครับ (หัวเราะ)

จูบกันครั้งแรกเป็นยังไง ?

ยิม : ตอนนั้นเราคิดไปไกลมากกว่านั้น คิดเยอะว่าแบบเราต้องจูบกับเพื่อนเรา ที่เราเพิ่งคุยกัน เลยรู้สึกว่าจะเป็นยังไง ตื่นเต้นเพราะครั้งแรกของเรา แต่พอจูบแล้วรู้สึกว่า เราคิดเยอะไปทำไม มันไม่ได้มีอะไรเลย แล้วก็เป็นความรู้สึกที่ออกมาจากข้างในว่าเข้าไปเป็นตัวละครนั้นจริงๆ 

ความสัมพันธ์ ณ วันนี้เป็นยังไง ?

ยิม : ก็เป็นคนที่รู้ใจครับ เหมือนรู้ว่าเขาต้องการอะไร 

ติวเตอร์ : บางครั้งเรารู้สึกกังวลก่อนจะขึ้นเวที รู้สึกประหม่า

ยิม : ผมก็จะเข้าไปไม่เป็นไร สู้ๆ นะ

มีอะไรที่ประทับใจในตัวของยิม ?

ติวเตอร์ : เขาจะเป็นคนที่เวลาจะทำอะไรตั้งใจมากๆ ครับ ทำสมาธิ เตรียมตัวมาทุกอย่าง เราเห็นถึงความตั้งใจของเขา 

หลังจากนี้ไปความสัมพันธ์จะลึกซึ้งขึ้นอีกไหม ?

ยิม : ผมไม่ได้ติดเรื่องนั้นเลย ถ้าเกิดมันจะพัฒนามากขึ้นกว่านี้ ถ้าเกิดเราอยู่กับใครแล้วมีความสุขและสบายใจก็ต้องอยู่กับคนนั้นอยู่แล้ว

ติวเตอร์ : จริงๆ ตอนนี้มันก็ดีมากแล้ว เพราะว่าเราก็มาด้วยกันเป็นคู่ ยิม : เราผ่านมาค่อนข้างเยอะจากคนที่ไม่คุยกันเลย จนมีความสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ไว้ใจและรู้ใจกัน