ว้าวซ่า! มากเมื่อ 2 หนุ่มสุดฮอต “มาย-ภาคภูมิ ร่มไทรทอง” และ “อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์” แท็คทีมกันมาบุกบ้าน “อิงฟ้า วราหะ” ในรายการ “HELLO ENGFA หรือ อิงฟ้ามาหานะเธอ” รับบทพิธีกรตั้งคำถามอิงฟ้าในเรื่องของการรับมือในวงการนางงาม อีกทั้งยังเผยถึงการวางแพลนชีวิตในวงการบันเทิงของทั้งคู่ การใช้ชีวิตที่ช่วยฮีลใจให้กับแฟนคลับ และสปอย์ภาพยนตร์ “แมนสรวง” แบบสุดๆ
เรื่องการกดดันในวงการนางงาม และวิธีมีการให้กำลังใจตัวเองอย่างไร ?
อิงฟ้า : เคยกดดันถึงขั้นไม่เอาแล้วจะเก็บกระเป๋ากลับบ้าน เพราะดราม่าเยอะเกินไป ไม่รู้ว่าวงการนางงามจะโหดร้ายขนาดไหน คือแต่ถ้าเราอายุเกินก็ไม่ได้แล้ว ต้องปีนี้ปีเดียวเท่านั้นในการประกวด พอประกวดปุ๊บก็เจอความ Toxic ในการเชียร์นางงามก็เยอะ ถ้าบางทีเราแต่งหน้าไม่สวย แต่บางคนว่าเราเหมือนไปฆ่าใครตายประมาณนั้นเลย เพราะนางงามเขาจะมีกลุ่มที่ชอบและไม่ชอบ ซึ่งเราก็ต้องไปเช็คว่าวันนี้เราถูกใจแม่ๆ เขาไหม พอไปเจออะไรที่ Toxic ก็ตั้งรับไม่ไหว แต่ท้ายที่สุดก็คือสู้ต่อ และหาวิธีผ่อนคลายไปดูแลตัวเอง บอกรักตัวเอง เราพยายามคิดเสมอว่าทุกอย่างเดี๋ยวก็ผ่านไป คือทำงานใช้ชีวิตให้มีความสุข
จากนั้น อิงฟ้า ได้ถาม มาย-อาโป ว่าเคยมีแฟนคลับที่เป็น ซึมเศร้า หรืออะไรประมาณนี้ มาขอคำปรึกษาบ้างไหม ?
มาย-อาโป : มีครับ ในช่วงแรกๆ ที่เราเริ่มทำงาน ที่ยังไม่เยอะขนาดนี้แล้วมีโอกาสได้อ่านได้ตอบ ก็เป็นกำลังใจให้เขาและที่สำคัญบางทีสิ่งที่เราโพสต์ไป เรามีความเป็นธรรมชาติของเราคือสิ่งที่ดี เพราะเขาจะเห็นความเป็นมนุษย์จริงๆ ในโซเชียลมีเดีย อย่างที่สองคือบางครั้งเราแอบให้กำลังใจเขา คือผมจะกู๊ดไนท์แฟนๆ ทุกคืนเท่าที่ทำได้ เขาก็รู้สึกว่าได้ฮีลใจ ผมว่าเรื่องเล็กๆ ที่ทำให้คนที่ติดตามเราเขามีความสุขแล้ว ซึ่งเขาก็ดีขึ้น จะชอบอ่านการ์ดที่เขาส่งมาให้ทุกเดือนเขาก็จะอัพเดตว่าจากที่ดาวน์มากเขาสบายใจขึ้นแล้วขอบคุณ เราก็รู้สึก Appreciate และก็ขอบคุณเขาเหมือนกันครับ เวลาเราทำอะไรเพื่อคนอื่นมันจะมีพลังมากกว่าเดิมไปอีก แค่เรามีความสุขกับการใช้ชีวิตพอคนอื่นเห็นแล้วเขาลองไปใช้ตาม เขาก็มีความสุขขึ้น เหมือนเราได้ให้อะไรกับคน
อยากรู้ว่าวางแพลนตัวเองว่าไปในทิศทางไหน ?
มาย : ด้วยวัยวุฒิ 31 แล้ว เรารู้สึกว่าทำอยู่ตรงข้างหน้าให้เต็มที่ดีที่สุด แล้ว เราก็มีการ Improvise เรื่องของแผนงานบ้าง แต่สิ่งที่ยังไม่ได้ทำจริงๆ คือเรื่องของงานเพลง ถ้ามีโอกาสก็ดี ผมเข้าวงการบันเทิงมาเพราะอยากแชร์ความสุขให้คน รวมไปถึงการสร้างแรงบันดาลใจให้คน แค่ได้ทำ 2 อย่างแล้วได้รับความสุขกลับมา เราก็ยังอยากผลิตงานใหม่ๆ ให้คนที่เข้ามามองเราแล้วรู้สึกว่า ก็เป็นอะไรใหม่ๆให้เขาได้มีความสุข ทำทุกวันให้มันเต็มที่ ที่สุดครับ
อาโป : โปจะค่อนข้างชัดกับตัวเองมาก ว่าอยากเป็นนักแสดงแล้วอยากทำงานกับระดับโลก เราเคยศึกษางานต่างๆ เกี่ยวกับงานแสดงรู้สึกว่าที่อื่นมันหลากหลายมาก แม้แต่มุมมองการทำหนัง ตัวละคร การใช้ชีวิต แต่ว่าแกนหลักของเขาคือการแชร์ความเป็นมนุษย์ให้คนดูได้เห็น หมายความว่าพอคนดูได้แชร์ความเป็นมนุษย์มากขึ้น เขาจะเข้าใจตัวเองและรักตัวเองมากขึ้น เหมือนเป็นการส่งความสุขในทางอ้อมอีกทีหนึ่ง
ภาพยนตร์ “แมนสรวง”
อาโป : แมน ในบัญญัติในพจนานุกรม แปลว่ามนุษย์ สรวง ก็คือ สรวงสวรรค์ คือสวรรค์ของมนุษย์ หนังเป็นแนวพีเรียด มันคือสถานบันเทิงที่หนึ่ง เป็นสถานที่ลับต้องคนที่ถูกเลือกถึงจะเข้าไปได้
มาย : ต้องมีเมมเบอร์ถึงเข้าไปได้ (ยิ้ม) ถ้ามีโอกาสเราอยากให้เด็กๆได้ดูหนังไทย คือตอนเด็กๆเราเคยไปดู สุริโยทัย , นางนาก , บางระจัน ทำนองนั้นพอไปดูในโรง เรารู้สึกว่าหนังไทยมันมีแบบนี้ด้วยเหรอแล้วมันเป็นจุดที่แบบสร้างแรงบันดาลใจเราถึงวันนี้ การที่เรามาเล่นพีเรียดก็เป็นจุดหนึ่งที่จะสามารถให้แฟนคลับหรือใครก็ตามให้น้องๆเขาได้ดู ผมคิดว่าการสร้างแรงบันดาลใจตามเป้าหมายที่เราได้มาทำงานบันเทิงก็เป็นสิ่งที่ดีเลยรู้สึกดีใจที่ได้เล่นหนังแบบนี้
มาย : เป็นความภูมิใจในฐานะคนไทยที่ศิลปะวัฒนธรรมเจริญรุ่งเรือง ถือว่าประเทศนั้นยิ่งใหญ่ ดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งที่จะเผยแพร่วัฒนธรรมศิลปะตรงนี้ให้กับทั่วโลกได้เห็น