“อิงฟ้า-ชาล็อต” หลั่งน้ำตาต้องแบกความคาดหวังเคยไม่อยากอยู่ในจุดนี้!

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับ Woody FM on Stage with ENGFA CHARLOTTE แฟนๆ ร่วมงานกันอย่างล้นหลาม กระแสตอบรับแรง Sold Out ทุกที่นั่ง อีกทั้งในวันงานแท็ก #WoodyFMonStagexENGLOT ยังติดเทรนด์ทวิตเตอร์หรือ X ขึ้นอันดับ 1 ในไทยอีกด้วย ช่วงแรกของโชว์เป็นการพูดคุยแบบ Deep Talk จนสัมผัสได้ว่าทั้งคู่ได้ผ่านอะไรมามากมาย เล่าถึงการทำงานร่วมกัน สิ่งที่ต้องเจอของการเป็นบุคคลสาธารณะที่โด่งดังมากๆ กระแสต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา และความกดดันที่เกิดขึ้นที่ทำเอาทั้งคู่ถึงกับหลั่งน้ำตา

การทำงานร่วมกัน ?
ชาล็อต : พอเราได้ทำงานด้วยกัน พี่ฟ้าจะเป็นคนที่เก่งขยัน พยายามผลักดันตัวอย่างตลอด ซึ่งเราก็นำไปตรงจุดดีตรงนี้มาปรับตัวกับเราบ้าง เช่น เราก็จะผลักดันตัวเองให้มันไปให้สูง เอาความเขาของเขา ความขยันของเขามาเป็นแรงผลักดันในการทำงาน

อิงฟ้าเกิดมากับคำว่ามหาชน เป็นคำสุดยอดมากและไม่มีใครใช้ได้ในช่วงนี้ มันมีความน่ากลัวสำหรับอิงฟ้าไหม ?
อิงฟ้า : มีค่ะ คำว่ามหาชนบางทีแบกกับความคาดหวังอะไรหลายๆ อย่าง หนึ่งแน่นอนคำว่าแบบอย่าง ตัวอย่างหรือว่าความเพียบพร้อมความเก่งอะไรหลายๆ อย่าง ที่คนรู้สึกว่าต้องทำยังไงที่เราสามารถจะเป็นขวัญใจของมหาชนได้ ซึ่งมันก็จะมีครึ่งๆ โอเคมันก็จะมีความภูมิใจที่เราสามารถมาอยู่จุดนี้ได้ กับอีกห้าสิบคือเมื่อไหร่ที่คุณล้มหรือเมื่อไหร่ที่คุณพลาดมันก็สามารถที่จะกลับมาทำร้ายเราได้เหมือนกัน

เป็นคนคิดเยอะไหมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ?
อิงฟ้า : เยอะค่ะ เหมือนจะเป็นคนไม่คิดเยอะ แต่จริงๆเป็นคนที่คิดเยอะมากๆ

ชาล็อตล่ะคุณโด่งดังในข้ามคืนและแฟนๆ ก็เยอะมาก มีเรื่องที่ต้องให้คิดเยอะไหมในความที่เป็นบุคคลสาธารณะ ?
ชาล็อต : ค่ะ ต้องคิดให้รอบคอบ แล้วก็มีสติตลอดเวลา เพราะว่าสิ่งต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นมาหรืออะไรก็แล้วแต่ เป็นบทเรียนก็จริงแต่ว่าเราก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นอีก แล้วหนูแค่รู้สึกว่าการที่มาอยู่จุดนี้มันทำให้หนูได้เห็นตัวเองว่าแบบเราอายุ 24 แต่ว่าเราเหมือนถูกดันให้มันโตไปไวกว่าอายุอะไรอย่างงี้ บางทีมันแบกรับไม่ไหวจนจิตใจมันแย่ค่ะ

จุดที่มันแย่ที่สุดมันเป็นยังไง ?
ชาล็อต : (ร้องไห้) มันไม่อยากอยู่แล้วค่ะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่บนโลกนี้นะ มันไม่อยากอยู่ในจุดนี้ แค่รู้สึกว่าเด็ก 24 คนหนึ่งเขาก็มาทำตามความฝันเนอะ เขาไม่รู้หรอกว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นบ้างในอนาคต หรือว่าในวันพรุ่งนี้หรือในชั่วโมงต่อไป เขาก็พยายามเติบโตให้ได้ดีที่สุดที่เขาจะทำได้ แม้ว่าบางทีเขาอาจจะล้มหรือพลาดอะไรก็แล้วแต่ ไม่รู้สิมันแค่ มันหนักเกินไปสำหรับหนูในบางครั้ง แต่พอในเมื่อมันเป็นไปแล้ว หนูก็ต้องไปต่อให้ได้ค่ะ จนบางครั้งแค่รู้สึกว่าอยู่จุดนี้มันยากมากเลย มันเหนื่อย อยากกลับ แค่อยากกลับบ้านไปหาพ่อหรืออะไรอย่างงี้ เวลาเจอเรื่องแย่ๆ มันก็ทำไม่ได้ เพราะว่าเราออกจากบ้านมาทำงานเอง ไม่ได้มีคนข้างหลังคอยช่วยหรืออะไร บางทีมันก็ตัวคนเดียว ถ้าวันหนึ่งไป มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก

จุดไหนในชีวิตที่ทำให้คุณรู้สึกว่าฉันจะไปต่อได้แล้ว ?
ชาล็อต : หนูไม่รู้ หนูแค่รู้สึกว่าต้องไปต่อ ชีวิตมันต้องไปต่อ ก็เหมือนนาฬิกาที่มันต้องเดินอะไรอย่างงี้ ถ้าเมื่อไหร่มันหยุดเดินคือมันตาย ซึ่งหนูก็ยังไม่ได้อยากตาย ก็ยังอยากเดินต่อไปเรื่อยๆ ต่อให้มีปปัญหาเข้ามามันก็อาจจะเป็นแค่บททดสอบหรือว่าบทเรียนในชีวิต พยายามคิดว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวมันก็ผ่านไป สู้ต่อ เก่งอยู่แล้วอะไรอย่างงี้ ก็บอกตัวเอง ส่วนหนึ่งที่ยังอยู่ต่อก็เพราะพวกเขา (แฟนคลับ) เวลาเจอเรื่องอะไรก็แล้วแต่ก็จะมี 2 ฝั่ง เราก็จะมองฝั่งที่รักเรามากๆ

จากนั้นต่อด้วยพาร์ทการละครที่ทำเอาบรรดาแฟนคลับหัวใจเต้นแรง ด้วยฉากสุดจิ้นเมื่อ อิงฟ้า ต้องจุ๊บแก้ม ชาล็อต ทำเอาลุ้นกันจนเวทีแทบแตก จากนั้นทั้งคู่ได้เต้นคัฟเวอร์โชว์ในเพลง You & Me – JENNIE สุดเซ็กซี่ขยี้ใจเรียกเสียงกรี้ดดังสนั่นฮอลล์ ต่อด้วย พี่วู้ดดี้ ได้สานฝันให้กับ ชาล็อต ที่ฝันอยากทำงานเป็นแอร์โฮสเตส โดยจำลองฉากบนเครื่องเหมือนละครเวที ที่ทั้งร้องและเต้นแจกความน่ารักดุ๊กดิ๊กเต็มไปหมด

ช่วงท้ายของงานได้มีการสุ่มเลือกคำถามของผู้โชคดี ขึ้นมาถามตอบแบบสดๆ บนเวที ทำเอาตื่นเต้นดีใจกันยกใหญ่ อาทิ มีเพลงไหนที่อิงฟ้าและชาล็อตชอบ เเละอยากให้อีกคนร้องให้ฟัง โดย อิงฟ้า ได้ร้องเพลง “ฮีลใจ” มอบให้กับ ชาล็อต ส่วน ชาล็อต นั้นก็ร้องเพลง “ง่ายเกินไป” มอบให้กับอิงฟ้า และแฟนคลับอีกคนได้ถามว่าอยากไปที่ไหนด้วยกันอีกในอนาคต อิงฟ้าตอบว่าอยากไป “เกาหลี” ส่วน ชาล็อต ตอบว่าอยากไป “ขั้วโลกเหนือ” ด้วยกัน บรรยากาศภายในงานเรียกว่าครบทุกรสชาติ มีทั้งรอยยิ้มเสียงหัวเราะและน้ำตาสัมผัสได้ว่า “อิงล็อต” ทั้งคู่เป็นพันธมิตรที่ดีและโซนปลอดภัยของกันและกัน แฟนๆ ทุกคนต่างได้ร่วมกันเก็บโมเมนต์แห่งความทรงจำที่สวยงามนี้ ที่สุดแสนอบอุ่นและอิ่มเอมหัวใจกันถ้วนหน้า