เรียกว่าโลดแล่นในวงการบันเทิงมาอย่างยาวนาน สำหรับผู้จัดและนักแสดงมากความสามารถ “เจี๊ยบ-โสภิตนภา ชุ่มภาณี” โดยล่าสุดมาเปิดใจในรายการ WOODY INTERVIEW ถึงเรื่องราวที่พลิกผันเพราะโควิด ทำให้ชีวิตและธุรกิจคอนโทรลไม่ได้เครียดหนักถึงขั้นเป็นแพนิก ได้สามีและลูกช่วยเยียวยาใจ จนสามารถที่จะก้าวข้ามจุดนั้นมาได้
ชีวิตของเจี๊ยบเป็นยังไงบ้าง เหมือนเป็นรถไฟเหาะไหม ?
เจี๊ยบ โสภิตนภา : เหมือนเป็นรถไฟเหาะชมวิวที่ญี่ปุ่นที่ห้อยขาแล้วลมเย็นๆ มาแล้วมีความสุข เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มาคุยกับวู้ดดี้แล้วใจเต้นไปถึงโน้น เหมือนเข้าวงการใหม่ๆ เหมือนโดนสัมภาษณ์ครั้งแรก เราเคยเจอกันมาตั้งแต่เด็กวู้ดดี้จะรู้ว่าเจี๊ยบเป็นคนสนุกสนานมาก ไปที่ไหนคือเจี๊ยบสนุกสุด แล้วก็มีเหตุการณ์ที่มันทริกเกอร์เรามากๆ ก่อนโควิด แล้วช่วงโควิด 2-3 ปีเหมือนเราเก็บตัวอยู่บ้าน แล้วเราก็ไปเจอที่ๆ มีความสุขมากที่บ้าน แล้วกลายเป็นว่าพอเราออกไปข้างนอกตื่นเต้น แปลกไหม (หัวเราะ) พอออกไปเจอคนเยอะๆ มันแปลกไม่เหมือนเมื่อก่อน เพื่อนทุกคนบอกว่าเจี๊ยบไม่เหมือนเดิมเลย ซึ่งในที่นี้หมายถึงเรามีความสุขกับชีวิตง่ายๆ ตอนเช้าเดินเก็บดอกไม้ที่บ้าน ไหว้พระ สวดมนต์ เล่นกับหมา
ซึ่งก่อนหน้านี้คุณไม่เคยทำ ?
เจี๊ยบ โสภิตนภา : เจี๊ยบไม่เคยอยู่บ้านเลย เพราะเราไม่ได้สนุกกับการอยู่บ้านมากนัก คือเราก็อยู่ในวงการบันเทิงมาตลอดทำละคร 6-7 ปีที่ผ่านมา จนวินาทีสุดท้ายที่มันชนกันมากๆ ก่อนโควิด เราก็เลยได้อยู่บ้านนานมาก
ชีวิตในตอนเด็กของเจี๊ยบเป็นยังไง ?
เจี๊ยบ โสภิตนภา : ครอบครัวเจี๊ยบเป็นครอบครัวนักการเมือง ซอยราชครู บ้านเราจะอยู่เกือบหลังแรก แล้วก็จะเป็นบ้านคุณหญิงอุดมลักษณ์ ศรียานนท์ แล้วก็จะเป็น พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ทุกคนจะอยู่แถวๆ นั้นหมด ซึ่งที่บ้านก็จะมีโต๊ะกินข้าวยาวเราจะสลับกันทานข้าวในบ้านต่างๆ แล้วพวกเจี๊ยบก็จะเป็นรุ่นเด็กๆ เราก็จะวิ่งบ้านนั้นออกบ้านนี้มีความสุขตามชีวิตวัยเด็ก แล้วมีปีหนึ่งคุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจว่าเราจะมีบ้านอยู่ที่หัวหินกัน ก็จะไปหัวหินกันครอบครัวก็จะไปเที่ยวหัวหิน แล้วเจี๊ยบเหมือนไปติดครอบครัวหนึ่งที่เขาวาดรูปเก่งมากก็เลยขอนั่งรถเขาไป แล้วคุณพ่อคุณแม่น้องชายแล้วก็พี่เลี้ยงอยู่ในรถอีกคันหนึ่งแล้วก็ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ เจี๊ยบไปถึงหัวหินด้วยความร่าเริงทุกคนก็ไม่มีใครบอกอะไรเราเลย
จำได้เลยว่าผู้ใหญ่นั่งคุยกันอยู่ในโต๊ะกินข้าวที่กรุงเทพฯ แล้วเจี๊ยบเล่นของเล่นอยู่ที่พื้นแล้วก็ได้ยินว่าเขาร้องไห้กันว่าคุณพ่อเสีย คือกลไกของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเลี้ยงให้มีความสุขให้เติบโตมาอย่างดี พอเข้าห้องไปเขาก็ไม่บอกความจริงกับเรา ที่บ้านก็บอกพ่อแม่ไปทำงานอย่างงั้นอย่างงี้ คือคุณแม่ก็หักทั้งตัวอยู่โรงพยาบาล แต่จริงๆแล้วเรารู้ความจริง คือหลายๆ คนอาจจะไม่รู้ว่าเจี๊ยบรู้
มีวันหนึ่งเจี๊ยบฝันแล้วเห็นคุณพ่อยืนอยู่ที่ห้อง เป็นไข้จับสั่นเลยเพราะกลัวมาก คลุมโปงแล้วร้องไห้อยู่คนเดียวไม่เคยมีใครรู้ พอตื่นมาตอนเช้าเจี๊ยบพูดไม่ได้ 2-3 วัน กลัวมากจนพูดไม่ได้ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีความทรงจำของการสูญเสียเลย เพราะทุกคนไม่บอกอะไร ไม่เคยมีใครมานั่งเล่าให้ฟัง บางทีเจี๊ยบออกจากห้องไปแล้วเรารู้ผู้ใหญ่กำลังเศร้าอยู่ เราจะสนุกไม่อยากให้เขาเสียใจ รู้สึกว่าการที่เรารับรู้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจ ก็เลยพยายามไม่รับรู้ เป็นความคิดของเด็กน้อยๆ คนหนึ่ง ซึ่งจริงๆ พอมันส่งผลมาปัจจุบันช่วงโควิดเลยทำให้เจี๊ยบเอาเรื่องนี้กลับมา เพราะเราได้ไปคุยกับคุณหมอว่าทำไมเราถึงได้เป็นคนที่สนุกมากในทุกๆที่เราไป แต่พอเจี๊ยบกลับมาบ้านจะเงียบ จะอยู่ในห้องเล็กๆ
คุณหมอบอกว่ายังไง ?
เจี๊ยบ โสภิตนภา : น่าเป็นกลไกนี้ในชีวิตที่อยากจะทำให้ครอบครัวมีความสุข จนมาถึงจุดหนึ่งที่พอมีปัญหาเยอะๆ มากมาย แล้วเราเหมือนค้นหาเรื่องในวัยเด็กที่มันเกิดอะไรขึ้น ก็เลยได้ตรงนี้มา ถึงอย่างไรมันก็ผ่านไป ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ทำให้เจี๊ยบมีความสุขในช่วงเด็กที่สุด
ช่วงที่ผ่านมาคุณก็ได้มีโอกาสเจอกับสิ่งที่คนไทยหลายคนเป็นอยู่ในตอนนี้ก็คือซึมเศร้า ?
เจี๊ยบ โสภิตนภา : เรื่องวัยเด็กก็หนึ่งก้อนใช่ไหมคะ โรคซึมเศร้าคือก่อนโควิด เจี๊ยบทำละครอยู่เรื่องหนึ่งแล้วก็ทำธุรกิจเยอะมาก แล้วพอช่วงโควิดเริ่มมา ในสิ่งที่ทำมันควบคุมไม่ได้สักอย่าง คนนี้ป่วยคนนี้ต้องหยุด แล้วพอมาคุยกับบางคนแล้วคุยเริ่มไม่รู้เรื่อง เจี๊ยบก็เริ่มมีอาการมือสั่นเวลาคอนโทรลอะไรไม่ได้ เริ่มมีปัญหา เจี๊ยบจะเคลียร์อาการมือสั่นและหัวใจเต้นแรงได้ก็ต่อเมื่อเจี๊ยบเคลียร์กับเขาเสร็จ แล้วก็เริ่มเป็นมากขึ้น ก็เลยไปคุยกับคุณหมอ คือเจี๊ยบไม่เคยทานยาอะไรสักเม็ดเดียวเลยนะคะจนถึงวันนี้ คุณหมอพูดว่าคุณเจี๊ยบไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าแต่เป็นคนที่ประสบปัญหาและยังหาทางแก้ไม่ได้ แล้วเป็นคนที่คอนโทรลทุกอย่างด้วยตัวเองมาตลอด พอคอนโทรลไม่ได้มันก็คือแพนิค
แพนิคมาในรูปแบบไหน ?
เจี๊ยบ โสภิตนภา : มือสั่น มันสั่นมาก มันเหมือนเรายืนอยู่กับที่แล้วทุกอย่างมันวิ่ง เจี๊ยบต้องทำสมาธิหนักมากแล้วมันก็ค่อยๆ กลับมา
ดีที่ยังคอนโทรลมันได้ ?
เจี๊ยบ โสภิตนภา : หูย! สั่นไปหมดเลย นั่งอยู่ในรถก็คือสั่นมาก เจี๊ยบเคยได้ดูที่วู้ดดี้ก็เป็น คือเจี๊ยบเป็นคล้ายๆแบบนั้น แต่เจี๊ยบหลอกตัวเองว่าไม่ได้เป็นอะไร แล้วก็ไม่ได้ทานยา ใช้วิธีธรรมชาติในการรักษาตัวเอง ด้วยการทำแบบฝึกหัดกับตัวเอง เราลิสต์เลยว่าอะไรที่จะทำให้เราเดินทางไปถึงพลังงานที่ดีและการใช้ชีวิตในพลังงานบวกให้ได้ ค่อยๆ เริ่มทำ เจี๊ยบทำอยู่ 2 ปีโดยที่ไม่ได้ทานยาเลยแม้แต่เม็ดเดียว เหมือนใช้ระบบหายใจเพื่อควบคุมหัวใจของตัวเอง ตอนนี้ก็หายแล้ว แต่ก็ใช้เวลาเป็นปีนะ มันอาจจะมากกว่า 2 ปีด้วยซ้ำ แต่ว่าคุณต้องหาความสุขเล็กๆน้อยๆ ในทุกวันให้เจอนะ
ครอบครัวตอนนี้ลูกอายุเท่าไหร่แล้ว ?
เจี๊ยบ โสภิตนภา : 18 ปีค่ะ ขอพูดถึงลูกกับสามีด้วยนะคะ เมื่อกี้ที่พูดมาทั้งหมดอาการต่างๆ ที่ผ่านมา คนที่เป็นคุณหมอและเป็นคุณครูที่ดีที่สุดที่ทำให้เจี๊ยบหายโดยที่ไม่ต้องทานยาอะไรเลยคือสามีกับลูก เราเป็นคนที่เป็นอะไรแล้วจะพูดก็นั่งร้องไห้คุยกับสามีคุยและลูก ซึ่งมันจะมีคำพูดของลูกและสามีเยอะมากที่เตือนสติ แล้วก็จะมีคำสอนต่างๆ ที่ทำให้กลับมาเป็นมนุษย์ปกติที่ลูกและสามีส่งให้ แล้วเราก็ทำตาม